รวมเทคนิคต้มผัก ให้เขียวสด อร่อย สารอาหารครบถ้วน 🍅🍆🥬
เรื่องต้มผักดูจะเป็นเรื่องง่ายๆ แต่ใช่ว่าแค่โยนผักลงหม้อต้มน้ำเดือดๆ แล้วผักจะออกมาอร่อยตามที่หวังเสมอไป บางทีต้มแล้วผักเละบ้าง เหี่ยวบ้าง หรือผักบางชนิดถ้าต้มนานเกินไปสารอาหารก็จะหายไป วันนี้เราก็เลยรวมเทคนิคการต้มผักที่ช่วยให้ผักยังดูเขียวสด น่ากิน ต้มแล้วอร่อย แถมยังได้สารอาหารครบถ้วนอีกด้วย
ผักแต่ละชนิด ควรใส่ลงต้มตอนไหน?
- พืชหัว เช่น มันฝรั่ง แคร์รอต หัวไชเท้า จะมีเนื้อที่หนา แข็ง ให้ใส่ตั้งแต่น้ำยังไม่ร้อน เพื่อให้ผักค่อยๆ สุก จะช่วยให้เนื้อไม่เละ ด้านในและด้านนอกจะสุกพร้อมๆ กัน
- ผักที่โตบนดิน ผักกินใบ ให้ใส่ตอนน้ำเดือด เพราะผักเหล่านี้จะสุกง่าย ใช้เวลาต้มไม่นาน หากต้มนานเกินไปผักจะเละหรือเหี่ยวได้
- ควรใส่ส่วนของผักที่สุกยากลงไปก่อน เช่น ต้น ก้าน ตามด้วยส่วนที่สุกง่าย เช่น ใบ ยอด ดอก
- เมื่อต้มผักเสร็จ ให้แช่ในน้ำเย็นจัดทันที เพื่อให้ผักยังคงสีสวย สด กรอบ ไม่เละ ไม่เหี่ยว และเป็นการคลายความร้อนให้ผักอีกด้วย
ตัวช่วยทำให้ผักสีสวย เขียวสด ดูน่ากิน
- เกลือ : จะช่วยให้สีผักคงสภาพเดิม เขียวสด โดยให้เติมเกลือลงไปตอนน้ำเดือด แล้วนำผักลงไปต้ม
- น้ำส้มสายชู, มะนาว : มีคุณสมบัติช่วยให้ผักมีสีนวลสวยตามธรรมชาติและมีความกรอบ โดยเติมน้ำส้มสายชูหรือมะนาวลงไปตอนน้ำเดือด
- เบกกิ้งโซดา : ช่วยทำให้ผักสีสวย นิ่มขึ้น แต่ก็ยังมีความกรอบอยู่ โดยใส่เบกกิ้งโซดาเพียงเล็กน้อยตอนต้มหรือลวกผัก
- น้ำมันพืช : ใส่น้ำมันพืชเล็กน้อยขณะต้มผัก จะช่วยทำให้ผักมีความเงางาม ดูน่ากิน
ต้มผักอย่างไรให้ได้สารอาหารครบถ้วนที่สุด?
- พยายามใช้น้ำต้มให้น้อยที่สุด ไม่ควรแช่ในน้ำนานๆ เพราะจะทำให้ผักสูญเสียวิตามิน
- ผักที่เป็นหัวให้ต้มไปทั้งหัว ไม่ควรหั่นหรือฝานก่อน
- ให้แบ่งผักต้มทีละน้อย ถ้าต้มทีละมากๆ จะใช้เวลานาน ทำให้เสียคุณค่ามากขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง