รายที่ 4 !! พบผู้ป่วยฝีดาษลิง เป็นหญิงไทย พบเป็นไข้แต่ยังไปเที่ยวผับในย่านต่างชาติเยอะ
กรมควบคุมโรค รายงานพบผู้ป่วยยืนยันโรคฝีดาษลิง รายที่ 4 เป็นหญิงไทย เผยไทม์ไลน์เที่ยวสถานบันเทิงในพื้นที่ กทม. เบื้องต้นมีผู้สัมผัสเสียงสูง 2 ราย
วันที่ 5 สิงหาคม 2565 กรมควบคุมโรค รายงานสถานการณ์โรคฝีดาษลิง (Monkeypox virus) ในประเทศไทย ว่าล่าสุดพบผู้ป่วยยืนยันรายที่ 4 ของประเทศ เป็นหญิงไทย อายุ 22 ปี มีประวัติเสี่ยงไปเที่ยวสถานบันเทิงในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ย่านที่ชาวต่างชาตินิยมมาเที่ยวเป็นประจำประมาณสัปดาห์ละครั้ง และมีการสัมผัสใกล้ชิดกับชายชาวต่างชาติ
วันที่ 29 กรกฎาคม 2565
- ผู้ป่วยเริ่มมีไข้ แต่ยังไปเที่ยวสถานบันเทิงพร้อมเพื่อนชาวไทยและชาวต่างชาติ
วันที่ 30 กรกฎาคม 2565
- เริ่มมีตุ่มขึ้นที่แขนขา แล้วลามไปทั่วร่างกาย ร่วมถึงอวัยวะเพศ
วันที่ 3 สิงหาคม 2565
- เดินทางเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งใน จ.สมุทรปราการ
- ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยืนยันพบเชื้อฝีดาษลิง
วันที่ 4 สิงหาคม 2565
- ผู้ป่วยถูกส่งตัวมารับการดูแลรักษาต่อที่สถาบันบำราศนราดูร กรมควบคุมโรค
นับเป็นผู้ติดเชื้อโรคฝีดาษลิงรายที่ 4 และเป็นเพศหญิงรายแรกในประเทศ โดยผู้ติดเชื้อรายแรกเป็นชายชาวไนจีเรียที่ภูเก็ต รายที่ 2 ชายชาวไทย ในกรุงเทพมหานคร และรายที่ 3 ชายชาวเยอรมันที่ จ.ภูเก็ต
ขอย้ำว่า โรคฝีดาษลิงไม่ได้ติดต่อกันได้ง่าย ๆ ติดต่อได้จากการสัมผัสใกล้ชิดมาก ๆ จึงขอให้กลุ่มเสี่ยงเพิ่มความระมัดระวังและงดการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้าเพื่อลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
คำแนะนำปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคฝีดาษลิง
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับคนแปลกหน้า หรือเพิ่งรู้จักกัน
- งดการมีเพศสัมพันธ์กับคนที่ไม่รู้จัก เพราะมีความเสี่ยงที่ไม่รู้ประวัติพฤติกรรมและการป่วยของคนนั้น
- การปฏิบัติตัวเพื่อป้องกันโรคโควิด 19 ยังสามารถป้องกันฝีดาษลิงได้ ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือแอลกอฮอล์เจล เว้นระยะห่าง สวมหน้ากากอนามัย ไม่ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น กินอาหารร้อนปรุงสุก
- หลีกเลี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ที่มีอาการเข้าข่ายของโรคฝีดาษลิง โดยเฉพาะผู้ที่มีผื่น ตุ่ม หนอง ตามผิวหนัง และพยายามไม่จับบริเวณหน้า ตา จมูก ปาก
หากประชาชนสงสัยว่าตนเองมีอาการป่วยเข้าข่ายโรคฝีดาษลิง สามารถติดต่อสถานพยาบาลใกล้บ้านเพื่อรับการตรวจหาเชื้อได้ทันที หรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรคโทร. 1422
ขอบคุณข้อมูลจาก กรมควบคุมโรค