“ฉันรัก Ringo Starr” และ “ฉันรัก The Smiths” ถ้า 500 Days of Summer สร้างใหม่ยุคนี้ ซัมเมอร์จะรักเพลงของใครดี?
ช่วงนี้หลายคนอาจเห็นมีมที่เป็นภาพจากร้านแผ่นเสียงที่โจเซฟ กอร์ดอน ลิวอิตต์ กำลังคุยกับโซอี้ เดสชาเนล ซึ่งเล่นโดยการโพสต์คำพูดของคนหนึ่งว่า “ฉันชอบ X” ส่วนอีกฝ่ายก็บอกว่า “ฉันก็ชอบ X” ก่อนจะมาเฉลยอีกภาพว่าในหัวของทั้งสองฝ่ายนั้นคิดถึง X คนละสิ่งกัน
แน่นอน เป็นมีมที่ดูเข้าใจง่ายพอสมควร อย่างไรก็ดี สำหรับคนที่เกิดทันภาพยนตร์ที่เป็นต้นกำเนิดของมีมนี้อย่าง ‘500 Days of Summer’ ในปี 2009 ก็อาจรู้สึกตะหงิดนิดหน่อยอย่างบอกไม่ถูก และนี่คือสิ่งที่เราอยากจะชวนไปดูกัน
จริงๆ แล้ว 500 Days of Summer เป็นหนังโรแมนติกที่โด่งดังมากในปลายทศวรรษ 2000 ที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ของชายหญิงที่มีสถานะงงๆ ต่อกัน แต่ประเด็นคือสิ่งที่ยึดโยงความสัมพันธ์นั้นเอาไว้ก็คือ ‘รสนิยมทางดนตรี’ ที่ทั้งสองปิ๊งกันเพราะฟังเพลงเหมือนกัน
หากใครจำได้ ฉากที่ตัวละครปิ๊งกันคือฉากในลิฟต์ ที่ฝ่ายชายฟังเพลงผ่านหูฟังเสียงดัง แล้วฝ่ายหญิงก็โพล่งบอกฝ่ายชายว่า “ฉันรัก The Smiths” ซึ่งคือการอ้างถึงเพลง ‘There Is a Light That Never Goes Out’ ของวงอินดี้ตัวท็อปฝั่งอังกฤษในยุคทศวรรษ 1980 ที่ฝ่ายชายฟังอยู่ แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เริ่มจากตอนนั้น หรือเรียกได้ว่าความสัมพันธ์มันเกิดจากการที่ทั้งสองฝ่ายชอบฟังเพลง ‘นอกกระแส’ เหมือนกัน โดยฝ่ายหญิงรู้โดยบังเอิญเพราะฝ่ายชายเปิดเสียงเพลงดังทะลุหูฟังออกมา
ตรงนี้หลายคนก็อาจเริ่มงงว่า อ้าว แล้วแบบนี้ฉากร้านแผ่นเสียงที่เอามาทำมีมนั้น จริงๆ ตัวละครในหนังพูดอะไรกัน จากที่ลองค้นหาฉากนี้ดูจนพบคลิปใน https://www.tiktok.com/@nowhereman113/video/7354775955430231339
สิ่งที่พบคือ จริงๆ แล้วนี่เป็นฉากที่ทั้งสองฝ่ายเริ่มรู้สึกว่ารสนิยมไม่ตรงกัน โดยฝ่ายหญิงบอกฝ่ายชายว่า “ฉันรัก Ringo Starr” แต่ฝ่ายชายกล่าวแบบติดตลกว่า “ไม่มีใครรัก Ringo Starr หรอก” ซึ่งก็อิงกับความเป็นจริงว่าในบรรดาสมาชิก The Beatles คนที่แยกมาออกผลงานเดี่ยวแล้วดับสุดก็คือตัวมือกลองอย่าง Ringo Starr โดยฉากนี้สิ่งที่หนังดูตั้งใจจะสื่อก็คือ ตัวเอกที่เป็นผู้หญิงนั้นมีรสนิยมการฟังเพลงที่แปลกจริงๆ คือไม่ใช่แค่ฟังเพลงแปลก แต่ยังชอบสิ่งที่แม้แต่คนฟังเพลงแปลกทั่วๆ ไปยังไม่ชอบอีกด้วย
และใช่แล้ว ถ้าเป็นตามนี้ ภาพที่นำมาใช้ในมีมนั้นในหนังมันไม่ใช่เรื่องราวของคนที่ชอบสิ่งเดียวกันเลย แต่เรื่องราวในหนังมันคือร่องรอยของรสนิยมของทั้งสองฝ่ายที่เริ่มไม่ตรงกันเสียมากกว่า
แต่สิ่งที่น่าสนใจและชวนคิดต่อคือ ถ้าเราจะ ‘รีเมก’ 500 Days of Summer ในยุคนี้ให้เป็นเรื่องราวของหนุ่มสาวสมัยนี้ ฉากในลิฟต์นั้นเราจะแทนที่เพลงของ The Smiths ด้วยเพลงของใครดีให้เข้ากับ ‘หนุ่มสาวเทสต์ดี’ ยุคนี้? และในฉากร้านแผ่นเสียง เราจะแทนงานของ Ringo Starr ด้วยงานของใครกันดี? หรือไปๆ มาๆ เราอาจหาจุดเชื่อมโยงที่ทั้งสองฝ่ายจะปิ๊งกันด้วยเรื่องอื่นหรือเปล่า เพราะโอกาสที่หนุ่มสาวยุคปัจจุบันจะ ‘ปิ๊งกันเพราะรสนิยมทางดนตรี’ อาจจะน้อยกว่าสมัย 15 ปีก่อนเยอะ
อ้างอิง
YouTube. (500) Days of Summer- ‘I love the Smiths’ scene. https://shorter.me/GI4Fo YouTube. The Smiths – There Is A Light That Never Goes Out (Official Audio). https://shorter.me/B3T9Qข่าวที่เกี่ยวข้อง